8938 จำนวนผู้เข้าชม |
การเปลี่ยนภาษีให้เป็นเงินได้
โดยเปลี่ยนรายจ่ายให้เป็นสวัสดิการสำหรับผู้บริหารคนสำคัญของบริษัท เป็นวิธีลดหย่อนภาษีที่ถูกต้องตามกฎหมายและเป็นที่ยอมรับของสรรพากร กรรมการหรือผู้ถือหุ้นจะได้รับสวัสดิการในรูปเงินออมและความคุ้มครอง
เทคนิคการยิงปืนนัดเดียวได้นกหลายตัว
➢ วางแผนดอทคอมอยากแนะนำ การลดหย่อนภาษีบริษัทด้วยการเปลี่ยนงบสวัสดิการแก่กรรมการโดยให้เป็นเงินออมกับความคุ้มครองด้วยประกันชีวิตแล้วนำงบนี้เป็นค่าใช้จ่ายเพื่อลดภาษีอย่างถูกหลักสรรพากร
➢ สำหรับบริษัทที่มีกรรมการหรือผู้ถือหุ้น ซึ่งเป็นผู้กุมกลยุทธ์และความสำเร็จขององค์กร บริษัทจะดำเนินต่อไปได้อย่างประสบความสำเร็จด้วยกลุ่มคนที่เรียกว่า "KEYMAN" ซึ่งบริษัทควรให้ความสำคัญและมอบสวัสดิการ
➢ เป็นทั้งสวัสดิการให้กับบุคคลสำคัญของบริษัท หรืออาจเป็นการเพิ่มความมั่นคงและวางแผนการเงินให้กับบริษัทก็ได้
➢ ผู้รับประโยชน์ในกรมธรรม์ในกรณีมรณกรรม เป็นได้ทั้งทายาทของกรรมการหรือจะยกให้แก่บริษัทหรือนิติบุคคลก็ได้
➢ เป็นการสร้างรายจ่ายที่คุ้มค่า เพราะได้ทั้งเงินออมของบุคคลสำคัญขององค์กร ได้ทั้งความคุ้มครอง และได้ทั้งสิทธิในการลดหย่อนภาษีของบริษัท
➢ เบี้ยประกันนี้จะถือเป็นเงินได้พึงประเมินของกรรมการ และถือเป็นค่าใช้จ่ายของนิติบุคคลในการคำนวณภาษีเงินได้สิ้นปี แต่จุดเด่นคือ ผลประโยชน์จากกรมธรรม์ที่ผู้รับจะได้รับในภายหน้า จะได้รับการยกเว้นภาษี
➢ ผู้ทำประกันต้องเป็นกรรมการที่มีชื่อในหนังสือรับรองการจดทะเบียนนิติบุคคลเท่านั้น
(ตามเอกสารกรมสรรพากร เลขที่ กค.0702/10407 กค.0811/408 กค.0706/5334 กค.0706/42527 กค.0702/9358 กค.0706/8707)
ตัวอย่างการบริหารภาษีนิติบุคคล
กรณีที่ 1 บริษัทได้กำไร 10 ล้านต่อปี หากไม่ได้วางแผนจะต้องเสียภาษี 2 ล้าน (สมมติอัตราภาษี 20%)
กรณีที่ 2 ถ้าวางแผนทำประกันคีย์แมน เบี้ย 2,500,000 ทำให้เปลี่ยนภาษีเป็นเงินออมในรูปประกัน Keyman เพียงนำใบเสร็จรับเงินของเบี้ยประกันชีวิตมาบันทึกเป็นค่าใช้จ่าย จะได้เหลือภาษี 1,500,000 ประหยัดภาษี 500,000 บาท
โดยเบี้ย 2,500,000 จะกลับมาเป็นเงินคืน/เงินผลประโยชน์ตามกรมธรรม์ให้แก่กรรมการบริษัทหรือนิติบุคคลในภายหลังโดยไม่ต้องเสียภาษีในเงินได้ อีก